การซื้อหุ้นคืนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถขับเคลื่อนราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งหรือดัชนีให้ปรับสูงขึ้นได้ เนื่องจากเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นและเหมือนเป็นสัญญาณว่าผู้บริหารมั่นใจในแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดที่มีการซื้อหุ้นคืนเป็นจำนวนมากเป็นวงเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี และยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญอยู่ เพราะล่าสุดมีการประกาศแผนซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ที่สุดของ Apple (AAPL: US) เป็นวงเงิน 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีใหญ่เช่น META และ Alphabet (GOOGL: US) ซึ่งประกาศแผนซื้อหุ้นคืนเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

แต่อย่างไรก็ดี การซื้อหุ้นคืนในตลาดสหรัฐฯ ของปีนี้ อาจไม่ได้มีวงเงินสูงมากหรืออาจไม่ได้พาดัชนีปรับขึ้นได้ตามความคาดหวังนักลงทุน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

การซื้อหุ้นคืนจะช่วยตลาดไปต่อจริงหรือไม่

ก่อนจะหาคำตอบว่าการซื้อหุ้นคืนจะพาตลาดสหรัฐฯ ไปต่อได้หรือไม่ ลองดูข้อมูลย้อนอดีตจาก Goldman Sachs พบว่า วงเงินการซื้อหุ้นคืนของหุ้นในดัชนี S&P 500 ปี 2023 อยู่ที่ 8.2 แสนล้านดอลลาร์ ปรับลดลง 14% เทียบกับการซื้อหุ้นคืน 9.5 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2022 โดยระดับ P/E Ratio ปี 2023 อยู่ที่ 23 เท่า ขณะที่ P/E ปี 2022 อยู่ที่ 18.26 เท่า

จากข้อมูลย้อนหลังของปี 2023 และอีกหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบริษัทสหรัฐฯ มักจะซื้อหุ้นคืนในปีที่ Valuation ปรับลดลง เช่นในปี 2018 มีการซื้อหุ้นคืนเพิ่มขึ้น 56% เทียบปีก่อนหน้า โดย P/E อยู่ที่ 16.8 เท่า

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน P/E ของดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 23.3 เท่า เป็นระดับค่อนข้างสูงเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา จึงมีความเป็นไปได้ว่าการซื้อหุ้นคืนของบริษัทสหรัฐฯ ในปีนี้อาจไม่ได้เป็นวงเงินเท่ากับหรือสูงกว่าปีก่อนหน้า แม้ว่าหุ้นเทคใหญ่ทั้ง AAPL, META และ GOOGL จะประกาศแผนซื้อหุ้นคืนตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น ภาวะเศรษฐกิจและดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นหลายตัวที่ปรับขึ้นมาสูงเป็นการขับเคลื่อนด้วยการให้ความคาดหวังกับธีมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดังนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีความเสี่ยงขาลงจากการเผชิญแรงขายทำกำไรและการซื้อหุ้นคืนที่อาจไม่ได้มีวงเงินสูงเทียบปีก่อน แต่ถ้าหากการเติบโตของรายได้และกำไรมาจริงตามความคาดหวังของนักลงทุน และเมื่อบริษัทซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ Valuation เริ่มปรับลง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีโอกาสที่จะไปต่อได้เช่นกัน