Apple (AAPL) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งสหรัฐฯ เปิดตัว iPhone 15 (ไอโฟน 15) สมาร์ทโฟนยอดนิยม ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยปล่อยออกมา 4 รุ่น ประกอบไปด้วย
- iPhone 15
- iPhone 15 Plus
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
การเปิดตัวไอโฟนในแต่ละครั้งเป็นที่จับตาของผู้คนทั่วโลกอย่างมากไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้ใช้มือถือระบบ iOS หรือ Android เพราะ Apple เป็นผู้นำเทคโนโลยี ทำให้สามารถปล่อยฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจในทุกครั้งที่เปิดตัว นำมาสู่การเก็งกำไรทั้งหุ้น AAPL และหุ้นที่เกี่ยวข้อง เช่นกลุ่มซัพพลายเออร์และตัวแทนจัดจำหน่าย มาดูกันว่า หุ้น AAPL มีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง และหุ้นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมีหุ้นอะไรบ้าง
ราคาหุ้น Apple ก่อนและหลังเปิดตัว iPhone
แนวโน้มรายได้และกำไรของ Apple
Morningstar Research คาดการณ์ว่ารายได้ของ AAPL ในงบการเงินปี 2023 สิ้นสุดเดือน ก.ย. นี้ จะปรับลดลง 2% เทียบปีที่แล้ว เนื่องจากคาดว่ายอดขาย iPhone และ iPad จะปรับลดลงในระดับปานกลาง และยอดขาย Mac จะลดลงมากพอสมควร แต่รายได้ในหมวดบริการจะเติบโตได้ ขณะที่อุปกรณ์สวมใส่จะอยู่ในระดับคงที่ โดยให้เหตุผลว่ารายได้ของ iPhone, iPad และ Mac จะลดลงเพราะก่อนหน้านี้มีความต้องการใช้สูงเป็นผลจากเทรนด์การทำงานจากที่บ้านช่วงโควิด-19
รายได้ในแต่ละหมวดธุรกิจ
Morningstar คาดการณ์การเติบโตของแต่ละธุรกิจในเครือ Apple ช่วง 5 ปีข้างหน้า ดังต่อไปนี้
- iPhone จะเติบโตปีละ 3% ในตลอด 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะเติบโตทั้งในแง่ของจำนวนหน่วยและราคาขาย
- iPad และ Mac จะอยู่ในระดับคงที่ เพราะฐานสูงของงบปี 2022
- ธุรกิจบริการจะเติบโต 6.5% เพราะผู้ใช้ระบบ iOS จะสมัครบริการในเครือ เช่น Apple TV+ และ Apple Music มากขึ้นเรื่อยๆ
- อุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์อื่นๆ จะเติบโต 17% นำทัพโดยกลุ่มสมาร์ทวอทช์และ airPod ที่จะโตได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งคาดว่าจะเปิดตัวอุปกรณ์ AR/VR เพิ่มอีกด้วย
แนวโน้มอัตรากำไร
อัตรากำไรขั้นต้นจะคงอยู่ที่ระดับ 42-43% จากระดับ 41.8% ในปี 2021 และ 43.3% ในปี 2022 โดยที่ผ่านมานั้น อัตรากำไรขั้นต้นของ AAPL ไต่ระดับมาจากช่วงปลายของ 30% มาจนถึงระดับสูงกว่า 40% ในปีล่าสุด เป็นเพราะกลยุทธ์การตั้งราคาขายให้คงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำได้เพราะความพรีเมียมของสินค้าและเทคโนโลยี
Morningstar คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของหมวดผลิตภัณฑ์จะคงอยู่ที่ช่วงกลางของ 30% และอัตรากำไรขั้นต้นของหมวดบริการจะคงอยู่ที่ระดับ 70% อีกทั้งคาดว่าหมวดบริการ ซึ่งทำกำไรได้สูง จะเติบโตได้อย่างดี แต่ยังได้รับปัจจัยกดดันจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรในระดับต่ำกว่า เช่น Apple Watch
อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ยังคงเป็นกำลังสำคัญในธุรกิจของ AAPL เพราะสามารถขายสินค้าให้ลูกค้าที่ใช้ไอโฟนได้เรื่อยๆ และสามารถขายในราคาพรีเมียมอีกด้วย
นอกจากนี้ AAPL ยังได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนมาใช้ชิปที่พัฒนาเองสำหรับอุปกรณ์ Mac PC แทนที่การใช้ชิปจาก Intel (INTC) โดยเริ่มตั้งแต่บางรุ่นที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2020
หุ้นซัพพลายเออร์ Apple มีหุ้นอะไรบ้าง
ธุรกิจของ AAPL พึ่งพาการใช้วัตถุดิบ และการผลิตจากซัพพลายเออร์เป็นหลักด้วยสัดส่วน 98% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้มีบริษัทซัพพลายเออร์มากหมายหลายร้อยแห่ง และมีบางส่วนมีโรงงานในประเทศไทยด้วย (รายชื่อซัพพลายเออร์ทั้งหมด) โดยขอยกตัวอย่างบริษัทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
Intel (INTC: US)
ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์ Mac แต่ในช่วงหลัง AAPL เริ่มเปลี่ยนแผนมาใช้ชิปใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเองในบางรุ่นแล้ว
Qualcomm (QCOM: US)
ผลิตชิปที่ใช้ประมวลผลในไอโฟน
Hon Hai Precision Industry (Foxconn) (2317: TP)
เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดของ AAPL โดยมีส่วนร่วม 70% ในซัพพลายเชนของการผลิตไอโฟน
Samsung Electronics (005930: KR)
ผลิตหน้าจอ OLED สำหรับไอโฟน แต่ก็มีแบรนด์มือถือตัวเองเป็นคู่แข่งด้วยเช่นกัน
หุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับ Apple และ iPhone
บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7
สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Apple: 40-50%
ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าไอที ประเภทคอมพิวเตอร์แล็บท็อป คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทางการจำหน่ายหลัก รวมทั้งให้บริการศูนย์ซ่อมสินค้าแบรนด์ Apple
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX
สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Apple: 31%
จัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และมีฐานลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ทั้งที่เป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเอง รวมถึงห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน
บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI
สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Apple: 91.7%
บริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์บริการสำหรับสินค้าภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม iCenter
บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW
สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Apple: 64%
จัดจำหน่ายกลุ่มสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงสินค้าแบรนด์ Apple และ Samsung ซึ่งบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย (Reseller) และศูนย์บริการซ่อมบำรุงอย่างเป็นทางการ ผ่านร้านค้าภายใต้การบริหารงานของบริษัท ได้แก่ 1.ร้าน .life (dotlife) จำหน่ายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ 2.ร้านค้าปลีก Apple Brand Shop จำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ได้แก่ ร้าน iStudio by copperwired ร้าน Ai_ และร้าน U-Store by copperwired และ 3.ร้าน iServe ศูนย์บริการมาตรฐานที่ได้รับการแต่งตั้งจากทาง Apple ให้บริการซ่อม/เปลี่ยนอะไหล่สินค้าแบรนด์ Apple 4. ร้าน AIS by partner (ASP) เป็นตัวแทนซึ่งได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก AIS 5.ร้าน Samsung จำหน่ายสินค้าโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต นาฬิกาอัจฉริยะ เฉพาะแบรนด์ Samsung และจำหน่ายอุปกรณ์เสริมต่างๆ ทั้งแบรนด์ Samsung และแบรนด์สินค้าชั้นนำอื่นๆ ร้าน Mi Authorized Store เป็นร้านจำหน่ายสินค้า Xiaomi และธุรกิจจัดจำหน่ายค้าส่งเชิงพาณิชย์สินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แบรนด์ต่างๆ และอุปกรณ์เสริม