เชื่อว่านักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่อยากลงทุนในระยะยาวคงมีคำถามว่า ถ้าเราอยากลงทุนแบบ VI ควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี?
1. สิ่งแรกที่เราควรลองคิดก่อนเริ่มลงทุนแบบ VI คือการวางเป้าหมายในการเลือกหุ้น ด้วยการเลือกหุ้นดีเข้าพอร์ตการลงทุนสำหรับการลงทุนในระยะยาว
2. เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว คำถามต่อมาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวไหนคือหุ้นดี โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่มักคิดว่าหุ้นพื้นฐานดีคือหุ้นดี แต่แท้จริงแล้ว หุ้นพื้นฐานดีกับหุ้นดีมีความแตกต่างกันอยู่
🟢 หุ้นพื้นฐานดี = หุ้นของธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน + บริหารธุรกิจได้ดี + ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
🟢 หุ้นดี = หุ้นพื้นฐานดี + ราคาเหมาะสม
3. แน่นอนว่าหุ้นพื้นฐานดีสามารถกลายเป็นหุ้นดีได้เมื่อมีราคาเหมาะสม ดังนั้นควรรอให้หุ้นพื้นฐานดีกลายเป็นหุ้นดีก่อน แล้วค่อยเข้าไปลงทุน ซึ่งการเลือกจังหวะซื้อหุ้นเมื่อราคาเหมาะสม จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
หลักการเลือกหุ้นดีเข้าพอร์ตมีอะไรบ้าง?
1. เลือกบริษัทในฐานะที่คุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ (Business Owner)
การเลือกลงทุนในฐานะที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจมีความแตกต่างจากวิธีคิดแบบการลงทุนระยะสั้น เพราะหากเราจะลงทุนหุ้นในระยะยาว ต้องลองคิดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ธุรกิจนี้จะยังแข่งขันได้หรือไม่ และมีความยั่งยืนมากแค่ไหน
2. เลือกบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว (Competitive Advantage)
ความสามารถในการแข่งขันสามารถวัดได้จากการมีแบรนด์สินค้าที่ดี รวมไปถึงว่าลูกค้ามี Brand Loyalty หรือไม่
3. เลือกบริษัทที่สามารถผ่านวิกฤตเศรษฐกิจได้ (Economic Moat)
ในอดีตมีวิกฤตเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง สิ่งที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาเวลาเลือกลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งคือ เมื่อเกิดวิกฤตแล้วบริษัทนั้นสามารถผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าอดีตรอดพ้นวิกฤตมาได้ ในอนาคตบริษัทก็น่าจะไปต่อได้
4. เลือกบริษัทที่คุณรู้จัก (The Circle of Competence)
ต้องรู้จักและเข้าใจธุรกิจของบริษัทที่เราจะเข้าไปลงทุนจริงๆ ไม่ใช่แค่เลือกหุ้นตามกระแส
5. เลือกบริษัทที่ราคาเหมาะสม (Cheap Valuation)
จังหวะการเข้าซื้อหุ้นมีความสำคัญมาก ซึ่งการเข้าไปซื้อเมื่อราคาเหมาะสม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าได้ เช่น Warren Buffett เคยรอจังหวะซื้อหุ้น Goldman Sachs ตอนเกิดวิกฤต Subprime เพราะมองว่าขณะนั้นเป็นช่วงที่ราคาเหมาะสม