Skip to content

Contents

ปี 2023 เป็นปีที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถทำผลตอบแทนได้ดีแม้เผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยปีที่ผ่านมาดัชนี S&P 500 ปิดบวก 24% และดัชนี NASDAQ ปิดบวก 44% แต่การปรับขึ้นในปีที่ผ่านมาเป็นการกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่และมีอิทธิพลต่อตลาดที่มีชื่อเรียกว่า “Magnificent 7” โดยต่อไปนี้จะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับ Magnificent 7 Index คืออะไร มีหุ้นอะไรบ้าง และมีอิทธิพลต่อตลาดขนาดไหน

Magnificent 7 Index คืออะไร มีหุ้นอะไรบ้าง

Magnificent 7 เป็นฉายาใหม่ที่ใช้เรียกกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีธุรกิจใหญ่และมีรายได้จากทั่วโลก ประกอบไปด้วย Amazon (AMZN), Apple (APL), Alphabet (GOOGL), Meta Platforms (META), Microsoft (MSFT), Nvidia (NVDA) และ Tesla (TSLA)

ชื่อของ Magnificent 7 เป็นฉายาใหม่และเปลี่ยนตัวหุ้นในกลุ่มเป็นตามข้อมูลที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยก่อนหน้านี้เคยมีฉายาใช้เรียกกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เป็น “FAANG” ซึ่งประกอบไปด้วย 5 หุ้น ได้แก่ Facebook (ก่อนเปลี่ยนเป็น META), Apple , Amazon, Netfilx และ Alphabet (หรือ Google)

นอกจากจะเป็นฉายาไว้บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่แล้ว Magnificent 7 ยังมีดัชนีชี้วัดผลตอบแทนไว้ติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เป็นการจัดทำดัชนี Magnificent 7 Index ของสำนักข่าว CNBC ใช้ชื่อย่อว่า MAG7 และมีอีกดัชนีเป็นของสำนักข่าว Bloomberg ใช้ชื่อย่อว่า BM7P โดยนักลงทุนสามารถคลิกลิงค์ได้ตามชื่อเพื่อเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของดัชนี

Magnificent 7 Index มีผลต่อดัชนีขนาดไหน

ในปี 2023 หุ้นกลุ่ม Magnificent 7 มีอิทธิพลต่อตลาดสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก เพราะหุ้น 7 ตัวดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของดัชนี S&P 500 เมื่อวัดจากมูลค่าตลาด (Market Cap) ณ สิ้นปี 2023

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ในปี 2023 ปรับขึ้น 930.33 จุด หรือ 24% ราคาปิดสิ้นปีอยู่ที่ 4,769.83 จุด ขณะที่ Magnificent 7 Index ของสำนักข่าว CNBC ในปีที่แล้วปรับขึ้น 106% และของสำนักข่าว Bloomberg ปรับขึ้น 107% หากดูผลต่อดัชนีเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นทั้ง 7 ตัวมีผลช่วยดันดัชนี S&P 500 ถึง 583.65 จุด เป็นสัดส่วน 62.7% ของการปรับขึ้นของดัชนี ขณะที่หุ้นฉุดตลาดไม่ได้มีผลต่อดัชนีมากนัก เช่น Pfizer ถึงแม้ผลตอบแทนจะติดลบ 41% แต่มีผลฉุดดัชนีเพียง 1.5%

Source: Bloomberg 
Source: Bloomberg
Source: Bloomberg  

ควรลงทุนอย่างไรกับหุ้น Magnificent 7

การปรับขึ้นของ 7 หุ้นใหญ่ในปีที่ผ่านมามีปัจจัยหลักมาจากความคาดหวังว่าดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะถึงจุดสูงสุดแล้ว และการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ Valuation ที่อยู่ในระดับสูง สังเกตได้จาก PE Ratio ของหุ้นทุกตัวสูงกว่า PE ของดัชนี S&P 500 ตามตารางด้านล่าง ดังนั้น นักลงทุนควรลงทุนอย่างระมัดระวังเพราะอาจเผชิญแรงขายทำกำไรได้หลังจากราคาปรับขึ้นมาสูงเมื่อปีที่แล้ว

Source: Bloomberg   Data as of 3 Jan 2024 

===============

‍‍‍‍‍‍🌟ติดตามสาระและความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มเติม

https://www.piknowledge.co

===============

ช่องทางการติดตาม Pi Securities

• Website: https://www.pi.financial

• Facebook: https://bit.ly/38ZpLhq

• Youtube: https://bit.ly/3NEEmgV

• Blockdit: Blockdit.com/pisecurities

• Line@: https://bit.ly/3I2cCk7

• Telegram: https://t.me/pisecurities

เพื่อความสะดวกรวดเร็วในกรณีต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อ “ทีม Customer Support” บล.พาย ได้ผ่านช่องทางแชทด้านล่าง

Line: https://bit.ly/3I2cCk7

E-mail: [email protected]