เทียบหุ้น Coca-Cola และ Pepsi ทั้งในด้านรายได้ กำไร แนวโน้มการเติบโต และคำแนะนำ หุ้นไหนเป็นอย่างไร ใครน่าลงทุนกว่ากัน
Overview
Coca-Cola มีที่มาจาก Dr. John Stith Pemberton พัฒนาสูตรเครื่องดื่มขึ้นมาเพื่อวางขายในร้าน Jacobs’ Pharmacy ในปี 1886 ก่อนจะกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมและเป็นบริษัท Coca-Cola จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ภายใต้ชื่อหุ้น KO:US
ขณะที่ PepsiCo เริ่มมาตั้งแต่ปี 1898 ก่อนจะเริ่มสร้างแบรนด์ข้าวโอ๊ต Quaker ในปี 1901 และมีผลิตภัณฑ์หมวดมันฝรั่ง Lay’s เพิ่มเข้ามาในปี 1932 ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ในชื่อหุ้น PEP: US
โครงสร้างรายได้
ปัจจุบันทั้งสองบริษัทมีโครงสร้างรายได้เป็นไปตามสัดส่วนดังต่อไปนี้
จากสัดส่วนรายได้ของ Coca-Cola พบว่ารายได้หลักอยู่ในตลาดอเมริกาเหนือด้วยสัดส่วน 35% ตามมาด้วยธุรกิจด้านขวดและบรรจุภัณฑ์ 18% และรายได้ในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 17%
รายได้ของ PepsiCo มาจากกลุ่มเครื่องดื่มในภูมิภาคอเมริกาเหนือมากที่สุดด้วยสัดส่วน 31% รองลงมาเป็นรายได้จากกลุ่ม Frito-Lay ซึ่งเป็นกลุ่มขนมขบเคี้ยว ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ 25% และรายได้รวมจากภูมิภาคยุโรป 16%
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
ทั้งสองบริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบันหรือกองทุนใหญ่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น Vanguard, Blackrock หรือ State Street แต่ที่น่าสนใจคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ Coca-Cola คือ Berkshire Hathaway ของปู่ Warren Buffett นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ด้วยสัดส่วน 9.25%
เทียบงบการเงิน
รายได้และกำไร
รายได้และกำไรของทั้ง Coca-Cola และ PepsiCo อยู่ในระดับค่อนข้างคงที่และผันผวนไม่มาก โดยรายได้ของ Coca-Cola อาจมีปรับลงบ้างในบางปี แต่ก็กลับมาเติบโตได้ และล่าสุดในปี 2022 มีรายได้อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเติบโต 11% เทียบปีก่อนหน้า
ขณะที่รายได้ของ PepsiCo โดยรวมแล้วดูนิ่งและรักษาการเติบโตได้ดีกว่า โดยรายได้ปี 2022 อยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโต 9% เทียบปีก่อนหน้า
หากดูอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) จะพบว่าทั้งสองบริษัทมีอัตรากำไรค่อนข้างคงที่และไม่ผันผวนมากนักเหมือนกัน โดย GPM อยู่ในช่วงระหว่าง 50-60% และ NPM อยู่ในช่วงระหว่าง 10-20% แต่อัตรากำไรของ Coca-Cola จะสูงกว่าเล็กน้อย
กำไรสุทธิต่อหุ้น
เงินปันผล
Coca-Cola และ PepsiCo เป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปี โดยในปี 2022 อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ 2.8% และ 2.5% ตามลำดับ ขณะที่อัตราส่วนการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ในปี 2022 อยู่ที่ 80.4% และ 70.5% ตามลำดับ
แนวโน้มการเติบโต
Coca-Cola คาดว่ารายได้ Organic ซึ่งไม่นับรวมการซื้อหรือขายกิจการปี 2023 จะเติบโต 10-11% และคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะเติบโต 7-8% ส่วนของปี 2024 บริษัทคาดว่ารายได้ จะเติบโตในระดับ Mid Single-Digit จากปัจจัยค่าเงิน
PepsiCo คาดว่ารายได้แบบ Organic ปี 2023 จะเติบโต 10% และคาดว่า EPS ปี 2023 ไม่รวมความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จะปรับขึ้น 13% ขณะที่ปี 2024 คาดว่ารายได้แบบ Organic จะอยู่ที่ 4-6% และคาดว่าการเติบโตของ EPS ไม่รวมความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ระดับ High Single-Digit
คำแนะนำและสรุปงบการเงิน
Bloomberg Consensus ให้คำแนะนำหุ้น KO: US และ PEP: US เป็น “ซื้อ” ทั้งคู่ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- KO: US มีนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” 79.3% และ “ถือ” 20.7% Rating อยู่ที่ 4.55 จากคะแนนเต็ม 5 ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ US$64.58 คิดเป็นอัพไซด์ 8.68% ตามข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. 2023
- PEP: US มีนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” 57.7% “ถือ” 38.5% และ “ขาย” 3.8% Rating อยู่ที่ 4.08 จากคะแนนเต็ม 5 ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ US$188.87 คิดเป็นอัพไซด์ 12.11% ตามข้อมูลสิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. 2023