ทำไมต้องสนใจ P/E ของตลาดหุ้น?

Price Earnings หรือ P/E เป็นหนึ่งในค่าที่ใช้บอกมูลค่าที่เหมาะสมของตลาดหุ้น โดย P/E ที่นำมาใช้เปรียบเทียบนั้นนิยมใช้ P/E 12 เดือนข้างหน้า (Forward P/E) หรือใช้กำไรสุทธิต่อหุ้นคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้ามาหาค่า P/E เพื่อบ่งบอกว่าตลาดหุ้นมี P/E สูงกว่าหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

แม้ P/E ของตลาดหุ้นที่อยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อาจบอกคร่าวๆ ได้ว่าตลาดหุ้นนั้นๆ มีมูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นจังหวะที่ควรเข้าไปลงทุนเสมอไป เพราะค่า P/E ต่ำ ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าตลาดนั้นจะไม่ปรับตัวลง

กรณีศึกษาที่ 1 – ตลาดหุ้นที่ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก (Discount)

ดัชนี Hang Seng เป็นกรณีศึกษาประเด็นที่ตลาดหุ้นมี P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก (Discount) แต่ดัชนี Hang Seng กลับปรับตัวลงอย่างมากใน 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยในเดือน ก.ย. ค่า P/E 12 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ค่าเฉลี่ย -1SD ขณะที่ดัชนี Hang Seng ยังคงปรับตัวลงแรงเกือบ 15% ในเดือนต.ค. ซึ่ง P/E 12 เดือนล่วงหน้าอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย –2SD บ่งบอกคร่าวๆ ว่าดัชนีอยู่ในระดับ Valuation ที่น่าสนใจ แต่หากถามว่าเป็นจังหวะที่ควรเข้าไปลงทุนหรือไม่นั้น คงต้องตอบว่าขึ้นกับหลายปัจจัย และมีข้อน่าสังเกตว่า นับตั้งแต่วิกฤตการเงิน 2008 ดัชนี Hang Seng แทบไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก สะท้อนว่าเป็นตลาดที่ Underperformed กว่าหลายประเทศ

กรณีศึกษาที่ 2 – ตลาดหุ้นที่ P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก (Premium)

สำหรับกรณีที่ตลาดหุ้นมี P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก (Premium) ดัชนี SENSEX ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ โดยในเดือน ธ.ค. 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ P/E 12 เดือนข้างหน้าของดัชนี SENSEX ปรับขึ้นมายืนเหนือค่าเฉลี่ย +2SD แต่ตลาดหุ้นอินเดียก็ยังปรับขึ้นต่อจนถึงในปี 2021 (+21% ในปี 2021) บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดหุ้นที่ Outperform เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว เช่น กลยุทธ์การพัฒนาประเทศ โครงสร้างอุตสาหกรรม การพัฒนาในด้านเทคโนโลยี เป็นต้น จึงดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในอินเดีย

สรุป

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการมี P/E ต่ำหรือสูงกว่าประเทศอื่นๆ หรือหุ้นบริษัทอื่นๆ ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นถูกหรือแพงกว่าเสมอไป เราต้องพิจารณาว่าประเทศนั้นๆ หรือหุ้นบริษัทนั้นๆ มีการเติบโตในอนาคตอย่างไร มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับประเทศอื่นหรือบริษัทอื่น ค่า P/E จึงเป็นเพียงตัวแปรหนึ่งเท่านั้นที่นำมาใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน